“TikTok แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียชื่อดังของ ByteDance เขย่าตลาดอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รุกคืบอย่างรวดเร็วและแข็งแกร่ง ท้าทายผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดอย่าง Shopee และ Lazada ของ Alibaba ถ้าไม่เร่งปรับตัวดูท่าจะแย่!”
ปี 2023 ถือเป็นปีทองของ TikTok Shop ที่สามารถทำยอด GMV ได้ถึง 16.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่าจากปี 2022 ที่ทำได้ 4.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ข้อมูลจากรายงานของ Momentum Works บริษัทที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ในสิงคโปร์ ชี้ว่า TikTok Shop กำลังเปลี่ยนสมการของตลาดอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีโอกาสแซง Lazada ขึ้นเป็นอันดับสอง โดยเฉพาะเมื่อรวมกิจการ ShopTokopedia ที่ TikTok ซื้อหุ้นส่วนใหญ่ใน Tokopedia ของอินโดนีเซียถึง 75%
Table of Contents
TikTok Shop ตัวเปลี่ยนเกมในตลาดที่ Shopee และ Lazada เคยครอง
ก่อนหน้านี้ ตลาดอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคอาเซียนถูกครองโดย Shopee และ Lazada มานานหลายปี โดย Shopee เริ่มแซง Lazada ขึ้นมาเป็นผู้นำตั้งแต่ปี 2019 และต่อยอดความสำเร็จในช่วงโควิด-19 ที่การช็อปปิงออนไลน์พุ่งสูงขึ้น สามารถดึงดูดผู้เข้าชมถึง 281.3 ล้านครั้ง มากกว่า Lazada ที่มีผู้เข้าชม 137.1 ล้านครั้ง มากกว่าสองเท่า กลายเป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้เยี่ยมชมมากที่สุดในปี 2020
แต่ TikTok Shop กลับก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นใหม่ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ ด้วยโมเดลธุรกิจที่ผสานคอนเทนต์กับการขายสินค้าได้อย่างแนบเนียน TikTok ไม่ได้เริ่มต้นธุรกิจนี้จากศูนย์ แต่ใช้ประโยชน์จากฐานผู้ใช้งาน TikTok ทั่วโลกกว่า 1 พันล้านคน และเปิดตัว TikTok Shop เพื่อให้ผู้ใช้สามารถซื้อขายสินค้าได้โดยตรงผ่านแพลตฟอร์ม
กลยุทธ์เด็ด! เน้นคอนเทนต์และการช็อปปิงผ่านไลฟ์สดของ TikTok Shop
TikTok Shop ได้แรงบันดาลใจจาก Taobao Live ของ Alibaba ที่เป็นผู้นำการขายผ่านไลฟ์สตรีมในประเทศจีน โดย TikTok ใช้แนวคิดนี้ผสานเข้ากับพฤติกรรมผู้ใช้แพลตฟอร์มที่ชื่นชอบการเสพคอนเทนต์แบบสั้นและสนุก สร้าง “Live Commerce” ให้ผู้ขายนำเสนอสินค้าได้แบบสด ๆ พร้อมกระตุ้นให้ผู้ชมตัดสินใจซื้อสินค้าได้ทันที ด้วยข้อเสนอพิเศษหรือโปรโมชันเฉพาะช่วงไลฟ์ วิธีนี้สร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้า เพราะสามารถเห็นสินค้าจริงและการสาธิตการใช้งานก่อนตัดสินใจ และยังจับคู่คอนเทนต์กับความสนใจของผู้ใช้อย่างแม่นยำผ่านอัลกอริทึม ส่งผลให้คอนเทนต์มีโอกาสถูกมองเห็นมากขึ้น เชื่อมโยงไปสู่การซื้อได้ในไม่กี่คลิก!
นอกจากนี้ วิดีโอสั้นยังทำหน้าที่เป็นโฆษณาออร์แกนิก ที่สามารถโน้มน้าวใจผู้ชมและพาไปสู่ TikTok Shop ได้ในไม่กี่คลิก ทำให้การช็อปปิ้งเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มที่ใช้อยู่แล้วโดยไม่ต้องสร้างแอปใหม่ รวมถึงระบบช็อปภายในแอปที่สะดวกสบาย กลายเป็นจุดขายสำคัญที่สร้างความสำเร็จให้ TikTok Shop ขยายตลาดจากฐานผู้ใช้ที่มีอยู่แล้วกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
TikTok ยังไม่จำกัดตัวเองให้อยู่แค่ในแอป เปิดโอกาสให้ผู้ขายนำสินค้าของตนไปขายในช่องทางอื่นด้วยโมเดล “Omnichannel” ให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าผ่านช่องทางอื่นได้ เช่น เว็บไซต์ ร้านค้าป็อปอัป หรือร้านค้าออฟไลน์ นี่เป็นการตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่ยังคุ้นชินกับวิธีการซื้อแบบดั้งเดิม ซึ่งต่างจาก Shopee และ Lazada ที่พยายามให้ผู้ใช้ทำทุกอย่างบนแพลตฟอร์มตัวเอง
รูปภาพจาก kr-asia
การแข่งขันที่ดุเดือด Shopee และ Lazada ต้องเร่งเครื่องเดินเกมตอบโต้
การเติบโตของ TikTok Shop แบบก้าวกระโดดบีบให้ Shopee และ Lazada ต้องปรับตัว โดยเริ่มหันมาลงทุนในการขายผ่านไลฟ์สด Shopee เปิดตัว Shopee Live หวังดึงดูดลูกค้าให้กลับมาดูไลฟ์ขายสินค้าแบบเรียลไทม์ ส่วน Lazada ก็ไม่ยอมน้อยหน้า พัฒนา LazLive เพื่อแข่งขันในตลาดไลฟ์คอมเมิร์ซ โดยทั้งสองทุ่มทุนในการแจกคูปอง ส่วนลด โปรโมชัน และโปรแกรมสนับสนุนต่าง ๆ มาสู้กันอย่างดุเดือด เพื่อดึงผู้ค้าและผู้ซื้อให้กลับมาใช้แพลตฟอร์มตัวเอง
ถึงแม้ทั้งสองแพลตฟอร์มจะพยายามสู้เต็มที่ TikTok Shop กลับสร้าง “เกมใหม่” ที่ไม่ได้แค่ขายของเร็ว หรือพึ่งโปรโมชันลดราคาเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ TikTok Shop ทำสำเร็จ คือการยกระดับอีคอมเมิร์ซให้มีความสนุกและน่าสนใจมากกว่าเดิม แทนที่จะเน้นแค่ยอดขาย ส่งของเร็ว หรือโปรโมชันลดราคา TikTok Shop ใช้พลังของคอนเทนต์และไลฟ์คอมเมิร์ซ สร้างประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ ทั้ง “บันเทิง” และ “ชวนติดตาม” ไลฟ์ขายสินค้าของ TikTok ไม่ได้มีแค่คนขายพูดถึงข้อดีสินค้าแบบน่าเบื่อ ๆ แต่เปลี่ยนเป็นโชว์ที่เต็มไปด้วยการเล่าเรื่อง มุกตลก และข้อเสนอสุดปังที่ทำให้คนดูรู้สึกเหมือนกำลังดูรายการบันเทิงมากกว่าช็อปปิง
แล้วอนาคตของตลาด E-commerce ต่อไปจะเป็นอย่างไร?
TikTok Shop ดูเหมือนจะยังไม่ลดจังหวะความร้อนแรง และเป้าหมายตอนนี้คือการยึดหัวหาดในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากการรวม Tokopedia เข้ากับธุรกิจ TikTok Shop อย่างสมบูรณ์
โดยเบื้องหลังการเตรียมตัวครั้งนี้คือการสร้างระบบให้แข็งแกร่ง ตั้งแต่การรวมระบบหลังบ้านจนถึงการปรับโครงสร้างทีม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
เมื่อพูดถึงการขยายตัว TikTok ไม่ได้หยุดแค่อินโดนีเซีย เพราะประเทศไทยก็เป็นอีกเป้าหมายใหญ่ โดย TikTok เริ่มทดลองบริการท้องถิ่นต่าง ๆ เพื่อจับกระแสผู้บริโภค พร้อมรุกหนักด้วย TikTok for Business ซึ่งช่วยแบรนด์ออกแบบแคมเปญให้เข้าถึงใจผู้ใช้ในแบบเฉพาะตัวมากขึ้น
ในฝั่ง Shopee และ Lazada พวกเขาต้องเจอกับศึกหนักไม่ใช่แค่แข่งขันกันเอง แต่ต้องต่อกรกับความได้เปรียบด้านคอนเทนต์ของ TikTok อย่างหนัก Shopee ดูเหมือนจะหันไปให้ความสำคัญกับ SeaMoney มากขึ้น นี่คือแพลตฟอร์มบริการการเงินดิจิทัลที่ Shopee หวังว่าจะเป็นขุมพลังในการดึงดูดและรักษาผู้ใช้งานได้ยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อ การชำระเงิน หรือการสนับสนุนทางการเงินให้กับผู้ขาย ส่วน Lazada เลือกใช้แนวทางที่แตกต่างออกไป
โดยนำ AI และเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาช่วยปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ ตัวอย่างล่าสุดคือ LazzieChat ที่ใช้ ChatGPT เป็นผู้ช่วยส่วนตัวสำหรับตอบคำถามลูกค้า และช่วยแนะนำสินค้าในแบบที่เฉพาะเจาะจงขึ้น แต่คำถามสำคัญคือ สิ่งเหล่านี้เพียงพอไหมที่จะดึงดูดผู้ใช้งานในยุคที่ TikTok สร้างประสบการณ์ที่ทั้งบันเทิงและสะดวกสบายได้พร้อม ๆ กัน
เกมที่เปลี่ยนไป ความแตกต่างสำคัญ
สงครามครั้งนี้ ไม่ได้อยู่ที่ว่าใครจะขายของได้ถูกกว่า หรือมีระบบโลจิสติกส์ที่รวดเร็วกว่าอีกต่อไป แต่กลายเป็นว่าใครจะสร้าง “ประสบการณ์ที่มีค่า” ให้กับลูกค้าได้มากกว่ากัน TikTok Shop พิสูจน์แล้วว่าคอนเทนต์ที่สนุก มีชีวิตชีวา และขายของได้ในเวลาเดียวกัน เป็นสูตรสำเร็จในยุคนี้
Shopee และ Lazada อาจยังมีข้อได้เปรียบเรื่องโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เช่น ระบบโลจิสติกส์และกระเป๋าเงินดิจิทัล แต่ TikTok Shop แสดงให้เห็นว่าการปรับตัวในยุคนี้ ต้องไม่ใช่แค่ทำสิ่งเดิมให้ดีขึ้น แต่ต้อง “คิดใหม่” และสร้างประสบการณ์ที่ลูกค้าไม่เคยได้รับมาก่อน
อนาคตจะเป็นยังไงต่อ?
ในโลกอีคอมเมิร์ซที่เปลี่ยนแปลงเร็ว ไม่มีใครสามารถนิ่งเฉยได้ Shopee และ Lazada ต้องรีบคิดเกมใหม่ที่นอกจากจะตาม TikTok Shop ให้ทันแล้ว ยังต้องสร้างอะไรที่เหนือกว่านั้น ส่วน TikTok Shop กำลังพิสูจน์ว่า ความสำเร็จในตลาดอีคอมเมิร์ซไม่ได้มาจากการเดินตามเส้นทางเดิม แต่คือการสร้างเส้นทางใหม่ที่แตกต่างและโดดเด่นจนไม่มีใครมองข้ามได้!
แล้วนักการตลาดควรปรับตัวอย่างไร?
โลกการตลาดไม่มีวันนิ่ง TikTok Shop ได้พิสูจน์แล้วว่าความสำเร็จไม่ได้มาจากการแข่งว่าใครถูกกว่า แต่มาจากการ “สร้างคุณค่าที่แตกต่าง” พร้อมทั้งเชื่อมต่อกับลูกค้าในแบบที่สะดวก สนุก และน่าจดจำ ถ้าคุณต้องการเป็นผู้นำในยุคที่ทุกวินาทีมีค่ามากกว่าเดิม
และนี่เป็นสิ่งที่นักการตลาดควรโฟกัส มีอะไรบ้าง
- Live Commerce คือ คลื่นลูกใหม่
ไลฟ์สตรีมไม่ได้เป็นเพียงเทรนด์อีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็น เครื่องมือสร้างยอดขายที่ทรงพลัง สำหรับนักการตลาด Live Commerce สามารถทำให้สินค้า “มีชีวิต” ผ่านการเล่าเรื่องที่เชื่อมโยงอารมณ์ผู้ชมได้ทันที หากคุณยังไม่ได้เริ่มใช้ไลฟ์สตรีมในกลยุทธ์ของแบรนด์ บอกเลยว่าถือเป็นโอกาสที่พลาดไม่ได้
- คอนเทนต์คือหัวใจสำคัญ (Content is King)
ขายของยุคนี้ไม่ได้แข่งกันแค่ตัวสินค้า แต่รวมถึงวิธีการนำเสนอด้วย การเล่าเรื่องแบบใหม่ผ่านวิดีโอสั้นที่สนุก มีพลัง และเข้าใจง่าย กลายเป็นตัวตัดสินว่าใครจะเข้าถึงใจลูกค้าได้เร็วกว่ากัน นักการตลาดต้องคิดให้ไกลกว่าการขายของตรง ๆ แต่ต้องสร้าง ความไว้วางใจและความบันเทิง ผ่านคอนเทนต์ การเล่าเรื่องที่ดีไม่เพียงดึงดูดความสนใจ แต่ยังปลูกฝังความผูกพันระยะยาวกับแบรนด์
- Omnichannel Strategy ผสานทุกช่องทางให้ไร้รอยต่อ
ลูกค้าในยุคนี้ไม่ต้องการเลือกแค่ออนไลน์ หรือออฟไลน์ “พวกเขาต้องการทุกอย่างพร้อมกัน” ดังนั้น การทำให้การช็อปปิ้งมีประสบการณ์แบบไร้รอยต่อ ระหว่างช่องทางออนไลน์และร้านค้าออฟไลน์จึงสำคัญ เช่น การสั่งซื้อสินค้าออนไลน์แล้วไปรับที่ร้าน หรือการจัดกิจกรรมไลฟ์ขายของที่นำลูกค้าไปทดลองสินค้าจริงในอีเวนต์
พร้อมสร้างกลยุทธ์การตลาดของคุณแล้วหรือยัง?
ถ้าคุณกำลังมองหา “ผู้ช่วยมืออาชีพ” ในการทำโฆษณาออนไลน์ที่วัดผลได้จริง ช่วยเพิ่มการมองเห็น สร้างยอดขาย และดึงดูดลูกค้าใหม่ให้ธุรกิจของคุณ โดยเฉพาะในตลาด E-Commerce เราคือ Digital Marketing Agency ที่เชี่ยวชาญการสร้างคอนเทนต์คุณภาพสำหรับแพลตฟอร์มทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบแคมเปญโฆษณา หรือการใช้ข้อมูลเพื่อสร้างกลยุทธ์แบบตรงจุด เริ่มต้นการเติบโตของธุรกิจ E-Commerce ของคุณได้แล้ววันนี้! เพียงแค่จองนัดหมายกับเรา แล้วทีมงานของเราจะติดต่อกลับภายใน 24 ชั่วโมง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับ Convert Cake คลิกเลย!
อ้างอิง
Related Blogs
Marketing Mix Modeling เปลี่ยนข้อมูลเป็นกำไร ค้นพบ ROI ที่คุ้มทุน