Key Takeaways
- Performance Marketing คือการตลาดที่วัดผลได้จริง ทุกงบที่ใช้ ต้องผูกกับผลลัพธ์ เช่น ยอดขาย Lead หรือ Conversion ไม่ใช่แค่ยอดเห็นโฆษณา
- จ่ายเมื่อเกิดผลลัพธ์ ลดความเสี่ยงงบสูญเปล่า ธุรกิจสามารถควบคุมต้นทุนได้ดี เพราะจ่ายตาม Action ที่ตั้งเป้าไว้
- ข้อมูล (Data) คือหัวใจของความสำเร็จ การตัดสินใจทุกอย่างอิงจาก Metrics จริง ไม่ใช่ความรู้สึกหรือการคาดเดา
- ปรับแคมเปญได้แบบ Real-Time เห็นผลเร็ว แก้ได้ทันที ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและไม่พลาดโอกาสทางธุรกิจ
- เลือกผู้เชี่ยวชาญช่วยให้โตเร็วและปลอดภัยกว่า การใช้บริการ รับยิงแอด จากเอเจนซี่ Performance Marketing อย่าง Convert Cake ช่วยลดการลองผิดลองถูก และสร้างการเติบโตระยะยาวได้จริง
Table of Contents
เคยสงสัยไหมว่า ทำไมบางธุรกิจยิงแอดเท่า ๆ กัน แต่ผลลัพธ์กลับต่างกันอย่างชัดเจน? หรือทำไมการลงโฆษณาบางแคมเปญใช้งบไม่มาก แต่กลับได้ยอดขายหรือ Lead ที่วัดผลได้จริง ในขณะที่บางแคมเปญใช้งบสูงแต่กลับไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนเลย?
คำตอบของคำถามเหล่านี้ มักเกี่ยวข้องกับแนวคิดของ Performance Marketing คือ รูปแบบการตลาดที่ให้ความสำคัญกับ “ผลลัพธ์จริง” มากกว่าการคาดเดา โดยนักการตลาดจะไม่มองแค่จำนวนการมองเห็นโฆษณา แต่จะโฟกัสไปที่ตัวเลขที่วัดผลได้ เช่น คลิก ยอดขาย หรือการกรอกฟอร์ม
สำหรับผู้ที่ไม่ได้อยู่ในสายการตลาด คำว่า Performance Marketing คืออะไร อาจฟังดูเป็นเรื่องเฉพาะทาง แต่ในความเป็นจริง แนวคิดนี้กลับใกล้ตัวกว่าที่คิด และเป็นเหตุผลที่หลายธุรกิจเลือกใช้บริการ รับยิงแอด จากผู้เชี่ยวชาญ อย่าง Convert Cake เพื่อให้ทุกงบโฆษณาถูกใช้ไปอย่างคุ้มค่าและตรวจสอบผลลัพธ์ได้ชัดเจน
ก่อนจะลงลึกถึงความหมาย หลักการทำงาน และข้อดีของ Performance Marketing ในหัวข้อถัดไป เราจะพาคุณเริ่มทำความเข้าใจภาพรวมของการตลาดรูปแบบนี้แบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้คุณเห็นว่าเหตุใด Performance Marketing จึงกลายเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ธุรกิจยุคใหม่ไม่ควรมองข้าม
Performance Marketing คืออะไร?
สำหรับหลายธุรกิจที่กำลังมองหาวิธีทำการตลาดออนไลน์ให้ “เห็นผลจริง” และควบคุมงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ คำว่า Performance Marketing คือ แนวคิดที่ตอบโจทย์อย่างมาก เพราะเป็นการทำการตลาดที่วัดผลได้จริง ไม่ได้อาศัยแค่ความรู้สึกหรือการคาดเดา แต่ใช้ตัวเลขและผลลัพธ์เป็นตัวตัดสินความสำเร็จของแคมเปญ
หัวใจสำคัญของ Performance Marketing คืออะไร?
หัวใจสำคัญของ Performance Marketing คือ การจ่ายค่าโฆษณาเมื่อ “เกิดผลลัพธ์ตามที่กำหนด” เช่น การคลิก การกรอกฟอร์ม (Lead) การสมัครสมาชิก หรือยอดขายที่เกิดขึ้นจริง ธุรกิจจึงสามารถควบคุมความคุ้มค่าของงบประมาณได้ดีกว่าการตลาดแบบดั้งเดิมที่ต้องจ่ายเงินล่วงหน้าโดยไม่รู้ผลลัพธ์แน่ชัด ด้วยเหตุนี้ Performance Marketing จึงไม่ใช่แค่การยิงแอด ให้โฆษณาแสดงผลเท่านั้น แต่เป็นการออกแบบแคมเปญให้ทุกการใช้เงินมีเป้าหมายที่วัดผลได้
จุดเด่นของ Performance Marketing คืออะไร?
อีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้ Performance Marketing ได้รับความนิยม คือการวัดผลผ่านตัวชี้วัดที่ชัดเจน เช่น ROI, ROAS, Cost per Lead หรือ Cost per Conversion ซึ่งช่วยให้เจ้าของธุรกิจเห็นภาพรวมของประสิทธิภาพแคมเปญได้แบบโปร่งใส นักการตลาดสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์ ปรับงบ ปรับกลยุทธ์ หรือหยุดแคมเปญที่ไม่คุ้มค่าได้ทันที ทำให้การตัดสินใจทางการตลาดแม่นยำมากขึ้น นี่จึงเป็นเหตุผลที่หลายธุรกิจเลือกใช้บริการ รับยิงแอด จากผู้เชี่ยวชาญอย่าง Convert Cake ด้าน Performance Marketing เพื่อให้ทุกขั้นตอนทำงานสอดประสานกัน และสร้างผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์เป้าหมายทางธุรกิจได้อย่างแท้จริง
รูปแบบของ Performance Marketing ที่ธุรกิจนิยมใช้
เมื่อเข้าใจแล้วว่า Performance Marketing คืออะไร หลายคนอาจเริ่มสงสัยต่อว่า การตลาดรูปแบบนี้สามารถนำไปใช้จริงในลักษณะไหนได้บ้าง ความจริงแล้ว Performance Marketing ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การยิงแอด เพื่อขายของทันทีเท่านั้น แต่ยังสามารถปรับใช้กับหลากหลายกลยุทธ์ ตามเป้าหมายของแต่ละธุรกิจ ดังนี้
Branding Marketing (การสร้างการรับรู้แบรนด์)
แม้ว่า Performance Marketing จะเน้นผลลัพธ์ที่วัดได้ แต่ก็สามารถนำมาใช้กับการสร้างแบรนด์ได้เช่นกัน โดยเฉพาะในตลาดที่มีการแข่งขันสูง หรือแบรนด์ที่ต้องการขยายการรับรู้ไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่ กลยุทธ์ที่นิยม ได้แก่ Social Media Campaigns, Native Ads และ Content Marketing ซึ่งเน้นการสื่อสารตรงกลุ่ม ค้นหา Pain Point ของผู้บริโภค และกระตุ้นให้เกิด Action เช่น การดูวิดีโอ การมีส่วนร่วม หรือการจดจำแบรนด์ในระยะยาว ทั้งหมดนี้ยังสามารถวัดผลได้ผ่านตัวชี้วัดด้าน Engagement และ Reach
Affiliate Marketing
Affiliate Marketing ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของ Performance Marketing เพราะธุรกิจจะจ่ายค่าตอบแทน “เมื่อเกิดผลลัพธ์จริง” เท่านั้น เช่น การคลิก การสมัคร หรือการสั่งซื้อ โดยมักร่วมมือกับ Influencer, Blogger หรือ Publisher ให้ช่วยโปรโมตสินค้าและบริการผ่านลิงก์เฉพาะ ทำให้ธุรกิจสามารถควบคุมงบประมาณได้ง่าย วัดผลได้ชัดเจน และลดความเสี่ยงจากการลงทุนด้านโฆษณา โดยเฉพาะสำหรับแบรนด์ที่ต้องการขยายยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์
Programmatic Marketing
Programmatic Marketing คือการใช้ระบบอัตโนมัติในการซื้อ–ขายโฆษณาออนไลน์ โดยอาศัยข้อมูลและอัลกอริทึมในการเลือกกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมที่สุดแบบเรียลไทม์ ข้อดีของรูปแบบนี้คือความแม่นยำและความคุ้มค่า ธุรกิจสามารถกำหนดงบประมาณ จ่ายในราคาที่เหมาะสม และปรับกลยุทธ์ได้ทันทีจากข้อมูลที่เกิดขึ้นจริง ส่งผลให้ ROI สูงขึ้น และทำให้การทำ Performance Marketing มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในระยะยาว
ประโยชน์ของ Performance Marketing คืออะไร?
- ควบคุมงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ: จ่ายค่าโฆษณาเฉพาะเมื่อเกิดผลลัพธ์จริง เช่น คลิก ลงทะเบียน หรือยอดขาย ช่วยลดความเสี่ยงจากการใช้งบเกินจำเป็น และวัด ROI ได้อย่างชัดเจน เหมาะทั้งธุรกิจขนาดเล็กและองค์กรขนาดใหญ่
- เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุดมากขึ้น: สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ละเอียด ทั้งอายุ เพศ ความสนใจ พฤติกรรม และตำแหน่งที่ตั้ง ช่วยให้โฆษณาไปถึงคนที่มีโอกาสซื้อจริง เพิ่ม Conversion และลดการสูญเสียงบจากกลุ่มที่ไม่เกี่ยวข้อง
- ปรับกลยุทธ์ได้แบบ Real-Time: เห็นผลลัพธ์ของแคมเปญทันที สามารถปรับข้อความโฆษณา รูปแบบครีเอทีฟ กลุ่มเป้าหมาย หรือช่องทางได้ตามข้อมูลจริง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและไม่พลาดโอกาสทางธุรกิจ
- วัดผลลัพธ์ได้ชัดเจน ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน: ทุกแคมเปญมีตัวชี้วัดที่จับต้องได้ เช่น จำนวน Lead, Cost per Lead, ROAS หรือยอดขาย ทำให้ตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูล ไม่ใช่การคาดเดา
เปิดโอกาสให้ทดลองและต่อยอดได้อย่างยืดหยุ่น: Performance Marketing ช่วยให้ธุรกิจสามารถทดสอบกลยุทธ์ใหม่ ๆ ได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์ม รูปแบบโฆษณา หรือข้อความสื่อสาร พร้อมนำข้อมูลไปพัฒนาแคมเปญในระยะยาวได้อย่างต่อเนื่อง
วัดประสิทธิภาพของ Performance Marketing ได้อย่างไร?
หัวใจของ Performance Marketing คือการวัดผลลัพธ์ที่ชัดเจนและตรวจสอบได้จริง โดยจะโฟกัสที่ตัวชี้วัดอย่าง ROI, ROAS, Cost per Click (CPC), Cost per Lead (CPL) หรือ Conversion Rate เพื่อดูว่าเม็ดเงินโฆษณาที่ลงทุนไปสร้างผลลัพธ์กลับมาได้คุ้มค่าหรือไม่ ทุก Action ที่เกิดขึ้นในแคมเปญ เช่น การคลิก การกรอกฟอร์ม หรือการสั่งซื้อ จะถูกติดตามและนำมาเปรียบเทียบกับ KPI ที่ตั้งไว้ ทำให้ธุรกิจสามารถประเมินประสิทธิภาพของแคมเปญ และปรับกลยุทธ์ได้อย่างแม่นยำบนข้อมูลจริง ไม่ใช่การคาดเดา
1. CPM (Cost Per Mille)
ใช้วัดต้นทุนต่อการแสดงผลโฆษณา 1,000 ครั้ง เหมาะสำหรับแคมเปญที่เน้นการสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness)
สูตรคำนวณ | CPM = (ต้นทุน × 1,000) ÷ จำนวนการแสดงผลทั้งหมด |
ตัวอย่าง | CPM = (ลงโฆษณา 20,000 × 1,000 บาท) ÷ การแสดงผล 300,000 ครั้ง ⇒ CPM = 66.66 บาท |
2. ROAS (Return on Ad Spend)
วัดประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบโฆษณา ว่าลงทุนไปเท่าไหร่ ได้ผลตอบแทนกลับมาเท่าไหร่
สูตรคำนวณ | ROAS = รายรับจากโฆษณา ÷ ต้นทุนโฆษณา |
ตัวอย่าง | ROAS = รายได้จากโฆษณา 500,000 บาท ÷ ต้นทุน 100,000 บาท ⇒ ROAS = 5 เท่า (หรือ 500%) |
3. CPC (Cost Per Click)
ใช้วัดต้นทุนเฉลี่ยต่อการคลิกโฆษณา 1 ครั้ง เหมาะกับแคมเปญที่ต้องการกระตุ้นให้คนเข้าชมเว็บไซต์หรือแลนดิ้งเพจ
สูตรคำนวณ | CPC = ต้นทุนโฆษณา ÷ จำนวนคลิกทั้งหมด |
ตัวอย่าง | CPC = ต้นทุนโฆษณา 10,000 บาท ÷ คลิก 20,000 ครั้ง ⇒ CPC = 0.5 บาท |
4. CVR (Conversion Rate)
ใช้วัดอัตราส่วนของผู้ชมที่ทำ Action ตามที่ต้องการ เช่น การสั่งซื้อ หรือกรอกแบบฟอร์ม
สูตรคำนวณ | CVR = (จำนวน Conversion ÷ จำนวนผู้เข้าชมทั้งหมด) × 100 |
ตัวอย่าง | CVR = (มีผู้สั่งซื้อ 1,200 คน ÷ เข้าชม 3,000 คน) × 100 ⇒ CVR = 40% |
5. CPA (Cost Per Acquisition)
สูตรคำนวณ | CPA = ต้นทุนโฆษณา ÷ จำนวน Conversion ทั้งหมด |
ตัวอย่าง | CPA = จ่ายโฆษณา 50,000 บาท ÷ มี 6,000 การสั่งซื้อ ⇒ CPA = 8.33 บาท |
5 ขั้นตอน การทำ Performance Marketing คืออะไร ?
จากหัวข้อก่อนหน้า ทุกคนคงเข้าใจความหมายและประโยชน์ของ Performance Marketing คืออะไร ? กันไปแล้ว และเห็นชัดว่าการทำ Performance Marketing นั้นมีความคุ้มค่าและเหมาะกับธุรกิจยุคใหม่ โดยในหัวข้อต่อไปนี้มีการรวบรวม 5 ขั้นตอนหลักที่ทำให้การตลาดแบบ Performance Marketing มีประสิทธิผลมากขึ้น ดังต่อไปนี้
1. วางแผนและกำหนดเป้าหมายแคมเปญ Performance Marketing
ขั้นตอนแรกของ การทำ Performance Marketing คืออะไร ? เริ่มจากกำหนดเป้าหมายและผลลัพธ์ที่ธุรกิจคุณต้องการให้ชัดเจนก่อนเริ่มทำแคมเปญ เช่น จะจ่ายเงินต่อเมื่อผู้มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้ายินยอมกรอกแบบฟอร์มลงทะเบียนเพื่อจองบ้าน (Cost Per Lead) หรือจ่ายเงินเมื่อมีคนคลิกชมโฆษณาเปิดตัวรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ (Cost Per Click)
2. เลือกช่องทางทำการตลาดสำหรับ การทำ Performance Marketing
วิธีการเลือกช่องทางทำการตลาดสำหรับ การทำ Performance Marketing คืออะไร ? สรุปง่ายๆ เข้าใจได้ เลยว่า หากต้องการทำให้มีประสิทธิภาพที่สุด คือต้องรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของธุรกิจว่ามีพฤติกรรมออนไลน์อย่างไร (Buyer Persona Research) เช่น ชอบอยู่บนฟีดบน Facebook ลงรูปอวดไลฟ์สไตล์บน Instagram หรือ ชมวิดิโอ TikTok ได้นานเป็นชั่วโมง รวมไปถึงการชอบกดซื้อสินค้าใน Lazada เป็นประจำ เป็นต้น ซึ่งช่องทางที่ได้รับความนิยม มีดังนี้
- Social Media Marketing เช่น โฆษณาบน Feed ของ Facebook หรือ Instagram
- Affiliate Marketing คือการจ่ายเงินให้ Influencer หรือ Blogger ช่วยโปรโมตสินค้าหรือบริการของธุรกิจคุณ
- Display Ads เช่น Banner หรือ Pop-up
- Native Ads เช่น โฆษณาแฝงไปกับเนื้อหา พบได้ที่ส่วนท้ายของบทความ
- Search Engine Marketing (SEM) เป็นการโฆษณารูปแบบข้อความ ต้องจ่ายเงินเพื่อให้ขึ้นอันดับแรก ๆ ใน Google เมื่อมีคนค้นหาเกี่ยวกับ Keyword ที่คุณซื้อ
3. เตรียมคอนเทนต์ให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย
เมื่อศึกษาพฤติกรรมออนไลน์ของกลุ่มเป้าหมายและเลือกช่องทางทำการตลาดสำหรับการทำ Performance Marketing ได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือหาข้อมูลเพิ่มเติมว่าพวกเขามี Pain Point อะไร แล้วสินค้าหรือบริการของธุรกิจคุณเติมเต็มอะไรให้เขาได้บ้าง จากนั้นจึงเริ่มทำคอนเทนต์ หรือ เนื้อหาที่ตรงกับพฤติกรรมของพวกเขา อาจจะเป็นภาพนิ่งหรือวิดีโอก็ได้ แล้วเลือกใช้คำ รวมถึงเนื้อหาที่ดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่แรกเห็น จนพวกเขาต้องหยุดดู และทำ Action ตามที่คุณต้องการกับคอนเทนต์
4. ติดตามผล Performance Marketing และหาวิธีเพิ่มประสิทธิภาพ
จากที่เกริ่นไปในหัวแรก ๆ ว่าสามารถติดตามและวิเคราะห์การทำงานของแคมเปญได้แบบ Real Time จึงทำให้คุณสามารถตรวจสอบได้ว่า ระหว่างการทำแคมเปญ Performance Marketing ผลลัพธ์เป็นอย่างไร และมีวิธีไหนที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำแคมเปญให้ดีขึ้นได้อีก ขั้นตอนนี้จึงเป็นส่วนที่สำคัญมาก ๆ ซึ่งทำให้ธุรกิจของคุณทำการตลาดแบบ Performance Marketing ได้คุ้มค่ากับงบที่ตั้งไว้
5. ประเมินผลลัพธ์และเรียนรู้ประโยชน์ที่ได้จากการทำ Performance Marketing
เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการทำแคมเปญ Performance Marketing แล้ว ก็ถึงเวลานำผลลัพธ์ที่ได้มาเปรียบเทียบว่าเป็นไปตามแผนและเป้าหมายที่วางไว้ในตอนแรกหรือไม่ ค้นพบวิธีหรือทริคอะไรที่ทำให้แคมเปญนี้มีประสิทธิภาพ หรือเจอจุดบกพร่องตรงไหนแล้วต้องแก้ปัญหาอย่างไร ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้แต่ละธุรกิจทำการตลาดแบบ Performance Marketing ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต
Performance Marketing ทำไมต้อง Convert Cake?
ในยุคที่ทุกการลงทุนต้องวัดผลได้จริง Performance Marketing คือ กลยุทธ์ที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตบนพื้นฐานของข้อมูลและผลลัพธ์ ไม่ใช่แค่ยอดคลิกหรือยอดเข้าชม แต่คือยอดขาย คอนเวอร์ชัน และการเติบโตที่จับต้องได้ Convert Cake เข้าใจแก่นแท้ของ Performance Marketing อย่างลึกซึ้ง และออกแบบแคมเปญ และ Marketing Funnel ให้ตอบโจทย์เป้าหมายทางธุรกิจอย่างแท้จริง มากกว่าการเป็นแค่ผู้ให้บริการ รับยิงแอด ทั่วไป
จุดแข็งของ Convert Cake คือการทำ Performance Marketing แบบ Data-driven และ Full-Funnel ตั้งแต่การสร้าง Awareness ไปจนถึง Conversion, Retargeting และ Loyalty ทุกแคมเปญถูกวางกลยุทธ์จากพฤติกรรมผู้ใช้งานจริง พร้อม Audience Segmentation เชิงลึก ครีเอทีฟที่ออกแบบมาเพื่อ “ขายได้จริง” และระบบ Tracking ที่ช่วยวัดผลลัพธ์แบบ Real-Time เพื่อให้ทุกงบโฆษณาใช้อย่างคุ้มค่า
ที่สำคัญ Convert Cake ทำงานด้วยมุมมองแบบเจ้าของธุรกิจ ไม่ใช่แค่เอเจนซี่รับยิงแอด เราโฟกัสการ Scale แคมเปญอย่างยั่งยืน ควบคุมงบประมาณได้ โปร่งใส ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง พร้อมให้คำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมา หากคุณกำลังมองหาทีมยิงแอด ที่เข้าใจว่า Performance Marketing คือ เครื่องมือสร้างการเติบโตระยะยาว Convert Cake คือพาร์ตเนอร์ที่ช่วยพาธุรกิจคุณไปได้ไกลกว่าเดิมอย่างมั่นคง
สรุป
เมื่อเข้าใจแล้วว่า Performance Marketing คือ รูปแบบการตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยผลลัพธ์จริง วัดผลได้ และช่วยให้ทุกงบโฆษณาถูกใช้อย่างคุ้มค่า จะเห็นได้ชัดว่ากลยุทธ์นี้เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการเติบโตอย่างเป็นระบบ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มยอดขาย เพิ่ม Lead หรือสร้าง Conversion อย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม การทำ Performance Marketing ให้ได้ผลจริง จำเป็นต้องอาศัยทั้งประสบการณ์ เครื่องมือ และการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างถูกต้อง เพื่อหลีกเลี่ยงการลองผิดลองถูกที่อาจทำให้เสียทั้งเวลาและงบประมาณโดยไม่จำเป็น
หากคุณกำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจ Performance Marketing อย่างแท้จริง Convert Cake พร้อมเป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจของคุณ เราเป็น Performance Marketing Agency ที่มีประสบการณ์ดูแลแคมเปญให้ทั้งธุรกิจ SME และแบรนด์ระดับสากล ด้วยแนวคิดแบบ data-driven และกลยุทธ์ที่โฟกัสผลลัพธ์เป็นหลัก หากคุณต้องการ รับยิงแอด อย่างมืออาชีพ วัดผลได้จริง และต่อยอดการเติบโตในระยะยาว ติดต่อ Convert Cake เพื่อเริ่มต้น Performance Marketing ที่ตอบโจทย์ธุรกิจของคุณได้เลยวันนี้
FAQ
Performance Marketing คืออะไร ต่างจากการยิงแอดทั่วไปยังไง?
เป็นการยิงแอดที่โฟกัส “ผลลัพธ์ที่วัดได้” เช่น ยอดขายหรือ Lead ไม่ใช่แค่ยอดคลิกหรือยอดเห็น
ธุรกิจเล็กเหมาะกับ Performance Marketing ไหม?
เหมาะมาก เพราะควบคุมงบได้ จ่ายเท่าที่จำเป็น และเห็นผลชัดเจน
ต้องใช้งบเยอะไหมถึงจะเริ่มทำได้?
ไม่จำเป็น สามารถเริ่มจากงบเล็ก แล้วค่อย ๆ Scale ตามผลลัพธ์จริงได้
รับยิงแอด อย่างเดียวถือว่าเป็น Performance Marketing ไหม?
ไม่เสมอไป Performance Marketing ต้องมีการวางกลยุทธ์ วัดผล และปรับแคมเปญอย่างเป็นระบบ
ทำไมควรใช้เอเจนซี่ Performance Marketing อย่าง Convert Cake?
เพราะ Convert Cake ช่วยวางกลยุทธ์ Performance Marketing แบบ Data-driven ทำแคมเปญแบบ Full-Funnel และโฟกัสผลลัพธ์ทางธุรกิจจริง ไม่ใช่แค่ตัวเลขสวย ๆ
Related Blogs

9 บริษัทรับทำ Facebook Ads ในประเทศไทย ปี 2026 เพิ่มยอดขายแบบวัดผลได้จริง

Branding คืออะไร? ทำไมต้องทำ? สรุปแบบเข้าใจง่ายสำหรับทุกธุรกิจในยุคดิจิทัล